Work Clinic 1: เตือนสติคนอยากลาออก

ดิฉันเองเป็นคนหนึ่งที่เคยคิดลาออกหลายครั้งในชิวิตการทำงานในองค์กรที่มั่นคง ปัจจุบันก็ได้ลาออกมาทำธุรกิจของตนเองได้ยังไม่ครบหนึ่งปี ยังไม่สามารถประเมินอนาคตได้ว่าจะประสบความสำเร็จกว่าการอยู่ในองค์กรต่อไปจนเกษียณหรือไม่

ด้านดีของชีวิตอิสระหลังการลาออกไม่ขอกล่าวถึงเพราะคงไม่ใช่ข้อมูลใหม่ แต่สิ่งที่ดิฉันอยากให้เป็นแง่คิดก่อนที่คุณจะตัดสินใจลาออกเพื่อความก้าวหน้ามากขึ้นในชีวิต หลักๆ มี แค่ 2 ข้อที่คุณต้องตกผลึกให้ได้ก่อนเดินไปแจ้งการลาออก

1. ธุรกิจที่คุณจะไปทำ ระยะยาวผลตอบแทนเป็นอย่างไร

ถ้าเป็นสิ่งที่ใช้แรงงานหรือตามแฟชั่น รายได้หลังจากทำไป 5 ปีอาจลดลงตามกำลังและกระแสที่ถดถอยลง ถึงเวลานั้นคุณอาจกลับเข้าสู่ระบบยากมาก

ควรหาธุรกิจที่รายได้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญ หรือสิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งไม่อิงกระแสเพื่อที่คุณจะสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนลูกค้า และประสบการณ์ที่มาก ไม่แพ้การอยู่ในองค์กรที่เงินเดือนแม้จะขึ้นช้าแต่ขึ้นแล้วไม่ลดลง

อย่าหลวมตัวลาออกเพื่อนั่งอยู่บ้านทำงานออนไลน์ที่ไม่ต้องใช้สมอง หรือซื้อมาขายไปที่ต้นทุนต่ำๆ เพราะมีคนที่ไม่อยากใช้สมองจำนวนมากพร้อมแข่งหรือแทนที่คุณเสมอ และอาจจะกลายเป็นงานที่หุ่นยนต์จะมาแทนที่ได้ หรือคุณจะไปอยู่ในวังวนขายของตามแฟชั่นที่มีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาตัดราคาตลอดเวลา ดังนั้นระยะยาวไม่มีทางที่รายได้ของคุณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

2 ความพร้อมในการเผชิญความไม่แน่นอนมีมากพอมั้ย

เมื่อไม่ได้อยู่ในองค์กรก็หมายความว่า คุณต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลด้วยตนเอง ไม่มีรายได้หากไม่มีลูกค้า มีรายจ่ายทุกเดือนหากจ้างลูกน้อง บริการทางบัญชีและค่าเช่า ต้นทุนสินค้าที่สต็อกไว้ และดอกเบี้ยเงินกู้

แม้ก่อนเริ่มธุรกิจคุณจะประเมินรายได้ไว้ดีเช่นไร ต้องเผื่อใจว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้น และควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 1-2 ปีไม่ใช่แค่ 6 เดือนอย่างในคำแนะนำในหนังสือ How to บอกไว้ เพราะคุณอาจเจอโอกาสใหม่ๆให้อยากลงทุน หรือรายจ่ายเพิ่มอันไม่คาดคิด

อ่านแล้วอาจเศร้าใจที่รู้ว่าตนเองว่ายังไม่พร้อมลาออก ณ เวลานี้ แต่ไม่ได้หมายว่าเป็นไปไม่ได้เลย แค่คุณต้องตั้งใจเตรียมความพร้อมอีกสักหน่อยอย่างจริงจัง

คราวหน้าจะมาแชร์วิธีเตรียมตัวลาออกที่ดิฉันทำมาและได้กล่าวถึงในหนังสือ #จะเรียกดิฉันว่าหมอดูก็ได้ถ้าคุณยอมเปลี่ยน

#ChangeTutor

Line: @wintegrate99