Work Clinic 2: การเตรียมตัวลาออกอย่างยั่งยืน

*** อ่านจนจบจะเข้าใจว่าทำไมใช้คำว่า 'อย่างยั่งยืน' ***

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วเรื่อง#เตือนสติก่อนลาออก จะขอแชร์วิธีคิดและปฏิบัติในการเตรียมความพร้อมเพื่อการลาออก ซึ่งเหมาะกับผู้ที่อยากออกแบบพร้อม ไม่ใช่ออกแบบไปตายเอาดาบหน้า

1. คิดว่าทุกวันคือวันสุดท้ายที่จะมาทำงาน

การคิดเช่นนี้ทำให้ดิฉันรีบเคลียร์งานทุกอย่างไม่ให้คั่งค้างจนเป็นเหตุให้รู้สึกผิดที่จะลาออกเพื่อไปที่ใหม่หรือไปทำอย่างอื่นเมื่อโอกาสเข้ามา และเพราะรู้ว่าอนาคตไม่แน่นอนจะมีความประหยัดเรื่องการใช้จ่ายอัตโนมัติ

2. ไม่ปฏิเสธงานยากหรือบทบาทใหม่

งานยากหรือบทบาทใหม่เท่านั้นที่เราสามารถเพิ่มอีกหนึ่งบรรทัดในประวัติการทำงานของเรา การปฏิเสธที่จะทำคือการปิดโอกาสตนเองในการมีทักษะที่มากขึ้นในการบินเดี่ยวหรือไปที่ๆดีกว่า

3. กล้าแสดงความคิดเห็นและความสามารถอย่างไม่ต้องกั๊ก

กล้าเป็นตัวเองเพื่อจะได้ทราบว่าที่คิดเอาเองว่าถูกต้องกว่าคนอื่นหน่ะจริงหรือไม่ ถ้าจริงจะได้มีความมั่นใจมากขึ้น ถ้าไม่จริงจะได้ปรับตัวทัน

4. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเพื่อเพิ่มศักยภาพตนเอง

ในขณะที่ยังไม่แน่ใจว่าจะออกไปทำอะไรอย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป สะสมความรู้ใหม่ ประสบการณ์จริงจากความรู้เหล่านั้น และเรียนรู้จากคนหลากหลายวงการ จะช่วยให้หาเจอว่าออกไปแล้วจะทำอะไรและมีอาวุธหลากหลายพอ

5. ฝึกเป็นนักถ่ายโอนงาน

คนส่วนมากชอบเก็บเรื่องสำคัญไว้กับตัว จนเติบโตไม่ได้ และไปไหนไม่ได้ เพราะทำเป็นอยู่คนเดียว แต่ความเป็นจริงเมื่อถึงเวลาเกษียณก็ต้องปล่อยอยู่ดี การสอนงานผู้อื่นคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและจากไปแบบไม่รู้สึกทิ้งปัญหาการฝึกถ่ายโอนงานเป็นการฝึกการจัดการที่ดีอีกด้วย

อ่านถึงตรงนี้คงงงว่าทำตัวดีอย่างนี้แล้วจะได้ออกเหรอ? คำตอบคือ ถ้าคุณอยากลาออกเพราะเบื่องานคุณจะหายเบื่อแล้วกลายเป็นสนุกกับงานมากขึ้นทันที ถ้าอยากออกเพราะเจ้านายไม่เห็นคุณค่า คุณก็คงกลายเป็นดาวเด่นและเติบโตอย่างรวดเร็วได้ไม่ยาก ส่วนคนที่ต้องการออกเพื่อความก้าวหน้าจะมีความพร้อมมากขึ้น นี่แหละค่ะ คือการเตรียมความพร้อมเพื่อลาออกแบบยั่งยืน เพราะเมื่อคุณเป็นพนักงานที่ดี คุณเลือกได้ว่าจะอยู่หรือจะไป

ปัจจุบันหลายคนไม่ได้อยากออกแต่ถูกองค์กรเทออก จะทำอย่างไรให้เราเป็นคนที่องค์กรอยากรักษาไว้ คราวหน้ามาคุยกันเรื่องนี้นะคะ

โดย ดร.วรัญญา อัจฉริยะชาญวณิช

#ChangeTutor

Line: @wintegrate99